วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

โครงงานอาชีพ เรื่องเยลลี่จากผลไม้และดอกไม้


โครงงานอาชีพ

เรื่อง เยลลี่จากผลไม้และดอกไม้

คณะผู้จัดทำ

  1.นางสาว ไพลิน  ไชยพันโท    เลขที่ 19
2.นางสาว ชลิตา  ปัญญายงค์       เลขที่ 26
3.นางสาว ณัฐกานต์  พันธะมุย    เลขที่ 29
 อาจารย์ที่ปรึกษา

อาจารย์ อนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด

 โครงงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ CAI ช่วยสอน
 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 5/1
ภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2556

 


บทคัดย่อ


บทคัดย่อ

                 ในปัจจุบันมีขนมต่างๆมากมายหลากหลายชนิด ความต้องการของผู้บริโภคนั้นก็พอสมควร รูปแบบลักษณะขนมในปัจจุบันนี้ก็มี รูปร่างและรสชาติแปลกใหม่ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค กลุ่มของเราจึงคิดค้นหาขนมที่แปลกใหม่ขึ้น คือ ขนมเยลลี่จากผลไม้และดอกไม้ ซึ่งก็ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมนัก แต่สิ่งที่ต่างก็คือส่วนผสมจากเดิม ขนมเยลลี่ส่วนมากจะใช้สีผสมอาหารหรือแต่งกลิ่นสังเคราะห์ แต่กลุ่มของพวกเราจะใช้สีและกลิ่นจากธรรมชาติ เช่นสีฟ้าจากดอกอัญชัน กลิ่นหอมจากส้ม เป็นต้น

พวกเราจัดทำโครงงานเล่มนี้ขึ้นเพื่อศึกษาค้นคว้าสูตร และวิธีทำเยลลี่ซึ่งเป็นขนมชนิดหนึ่งและได้รวบรวมไว้ในโครงงานเล่มนี้ เพื่อให้บุคคลที่สนใจได้ศึกษาและเป็นแนวทางต่อไป

กิตติกรรมประกาศ


กิตติกรรมประกาศ

               โครงงานนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาประวัติและวิธีการทำเยลี่ที่ถูกวิธีและอร่อย  ขนมเยลลี่สามารถเป็นอาหารว่างได้ดีทีเดียว ซึ่งขนมเยลลี่ก็เป็นขนมหวาน ชนิดหนึ่ง  ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งมีส่วนผสมที่ได้มาจากผลไม้ และดอกไม้ ที่มีกลิ่นหอม มีสีสันสวยงาม              

และการจัดทำโครงงานครั้งนี้สำเร็จรุร่วงไปได้ดัวยดีเนื่องจากได้คำปรึกษาจาก อาจารย์ อนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด กลุ่มของพวกเราจึงขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้

บทที่1


บทที่1
บทนำ

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน

เยลลี่ เป็นขนมหวานชนิดหนึ่งที่นำส่วนผสมต่างๆผสมใส่กันทำให้สุกแล้วนำมาหยอดลงในพิมพ์หรือภาชนะต่างๆได้ เยลลี่ เราสามารถประยุกต์  ได้หลายรสชาติ หลายสี หลายแบบ เช่น
    เยลลี่จากดอกอัญชัน ดอกกุหลาบ ดอกกระเจี๊ยบ ส้ม แตงโม แอปเปิ้ล ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้เราสามารถ   หาได้ง่ายในท้องถิ่นของเราและ เยลลี่ เราสามารถทำให้เป็นรูปร่างต่างๆได้ เช่น รูปดาว รูปดอกไม้ ฯลฯ ตามที่เราต้องการ
   การทำเยลลี่ ยังเป็นการฝึกสมาธิ และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ แถมยังสามารถนำไปประกอบอาชีพเสริมอีกด้วย

จุดมุ่งหมายของโครงงาน
1.       เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
2.        เพื่อฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม
3.        เพื่อฝึกการทำเยลลี่
4.        เพื่อศึกษาประวัติและวิธีทำเยลลี่

สมมุติฐาน
หวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการทำโครงงาน เพื่อนำไปประกอบอาชีพในอนาคต และสามารถประยุกต์ขนมเยลลี่ จากเยลลี่ธรรมดาเป็นเยลลี่รสต่างๆ สีธรรมชาติหรือจากสมุนไพร

ขอบเขตการศึกษา
ศึกษาจากเว็บไซต์และสอบถามบุคคลที่รู้เกี่ยวกับขนมเยลลี่

บทที่2


บทที่2

                                                                   เอกสารที่เกี่ยวข้อง

เอกสารที่เกี่ยวข้อง

กุหลาบ



ชื่อวิทยาศาสตร์: Rosa hybrids

กุหลาบเป็นดอกไม้ที่ได้รับความนิยมปลูกมากที่สุดชนิดหนึ่งของโลกที่มีต้นกำเนิดจากทวีปเอเชีย ผู้คนนิยมปลูกเพื่อความสวยงาม ตกแต่งสวน, ประดับตกแต่งบ้าน, ประดับสถานที่, ปลูกเพื่อการพาณิชย์ อาทิ เพื่อนำไปสกัดน้ำหอม นำไปทำเป็นส่วนประกอบของสปา สกัดเป็นกลิ่นสำหรับปรุงแต่งอาหาร เป็นต้น

สรรพคุณ :

ผลกุหลาบกับสรรพคุณทางยา
ปีค. 2007 ทีมนักวิจัยชาวเยอรมันและเดนมาร์กได้ทำการศึกษาประโยชน์ของผลกุหลาบ   ต่อการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ในการศึกษาจากจำนวนอาสาสมัครประมาณ 74 คน (ส่วนใหญ่เป็นหญิง)ได้ทำการทดลองเป็นระยะเวลา 6 เดือนโดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งรับประทาน placebo หรือยาที่ไม่มีฤทธิ์ทางยาใช้หลอกคนไข้ fake treatment อีกกลุ่มทานผลกุหลาบผลปรากฎว่ากลุ่มที่ทานผลกุหลาบเป็นประจำจำนวน 25 % จะมีอาการปวดลดลงถึง 40 %   ส่วนกลุ่มที่ทาน placebo ไม่มีรายงานการเปลี่ยนแปลง
               กล่าวกันว่าชาที่ทำจากผลกุหลาบมีประสิทธิภาพดีในการรักษาโรคท้องร่วง        และการติดเชื้อโดยเฉพาะการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ   ช่วยให้ไตแข็งแรง   วิตามินซีจากผลกุหลาบช่วยป้องกันและรักษาไข้หวัด   บรรเทาอาการปวดศีรษะ    ซึ่งชาวนิวซีแลนด์      มีชื่อเสียงมากในการทำน้ำเชื่อมจากผลกุหลาบ ให้เด็กๆรับประทานในหน้าหนาวเพื่อป้องกันไข้หวัด นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบการหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น

อัญชัน   
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clitoria ternatea L.
เป็นไม้เถา ลำต้นมีขนนุ่ม มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้ ปลูกได้ทั่วไปในเขตร้อน มีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกคือแดงชัน (เชียงใหม่) และเอื้องชัน(เหนือ) เมื่อคั้นออกมาจะได้เป็นสีฟ้า

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
อัญชันเป็นไม้เลื้อยเนื้ออ่อน อายุสั้น ใช้ยอดเลื้อยพัน ลำต้นมีขนปกคลุม ใบประกอบแบบขนนก เรียงตรงข้ามยาว 6-12 เซนติเมตร มีใบย่อยรูปไข่5-7ใบ กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 3-5 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบด้านล่างมีขนหนาปกคลุม
ดอกสีขาว ฟ้า และม่วง ดอกออกเดี่ยว ๆ รูปทรงคล้ายฝาหอยเชลล์ออกเป็นคู่ตามซอกใบ กลีบดอก 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่ยาว 2.5-3.5เซนติเมตรกลีบคลุมรูปกลม ปลายเว้าเป็นแอ่ง ตรงกลางมีสีเหลือง มีทั้งดอกซ้อนและดอกลา
ดอกชั้นเดียวกลีบขั้นนอกมีขนาดใหญ่กลางกลีบสีเหลือง ส่วนกลีบชั้นในขนาดเล็กแต่ดอกซ้อนกลีบดอกมีขนาดเท่ากัน ซ้อนเวียนเป็นเกลียว ออกดอกเกือบตลอดปี ผลแห้งแตก เป็นฝักแบน กว้าง 1-1.5 เซนติเมตร ยาว 5-8 เซนติเมตร เมล็ดรูปไต สีดำ มี 5-10 เมล็ด
การกระจายพันธุ์
อัญชันมีถิ่นกำเนิดในแถบเอเชียเขตร้อน ก่อนจะถูกนำไปแพร่พันธุ์ในแอฟริกา ออสเตรเลีย และอเมริกา

สรรพคุณ:


  • ดอก สกัดสีมาทำสีผสมอาหาร ช่วยปลูกผมทำให้ผมดำขึ้น
  • เมล็ด เป็นยาระบาย
  • ราก บำรุงตาแก้ตาฟาง ถูฟันแก้ปวดฟัน ตาแฉะ และปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ นำรากมาถูกับน้ำฝนใช้หยอดหูและหยอดตา
กระเจี๊ยบแดง








ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Hibiscus sabdariffa L. cv. group Sabdariffa

กระเจี๊ยบแดง เป็นพืชสมุนไพรที่เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงประมาณ 36 ศอก ลำต้นและกิ่งก้านมี สีม่วงแดง ใบมีหลายแบบด้วยกัน ขอบใบเรียบ บางทีก็มีรอยหยักเว้า 3 หยัก สีของดอกเป็นสีชมพู ตรงกลางดอกมีสีเข้มมากกว่าขอบนอกของกลีบ กลีบดอกร่วงโรยไป กลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงก็จะเจริญเติบโตขึ้นอีกเกิดเป็นสีม่วงแดงเข้มหุ้มเมล็ดเอาไว้ภายใน

สรรพคุณ:

ใบอ่อนและยอด ใช้แต่งรสเปรี้ยว ใส่ต้มหรือแกง ผลอ่อน ต้มรับประทานติดต่อกัน 5 - 8 วัน ช่วยขับพยาธิตัวจี๊ด ผลแห้ง ป่นเป็นผง รับประทานครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ดื่มน้ำตามวันละ3 - 4 ครั้ง ช่วยรักษาโรคกระเพาะ และลำไส้อักเสบ เมล็ด บดเพื่อเป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ และยาบำรุง กลีบเลี้ยงสีแดง ใช้ทำเครื่องดื่ม ช่วย ลดความหนืดของเลือด ป้องกันต่อมลูกหมากโต


ส้ม







ชื่อวิทยาศาสตร์:    Citrus sinensis Osb.
 ส้ม เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กหลายชนิด เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ สกุล Citrus วงศ์ Rutaceae มีด้วยกันนับร้อยชนิด เติบโตกระจายอยู่ทั่วโลก โดยมากจะมีน้ำมันหอมระเหยในใบ ดอก และผล และมีกลิ่นฉุน หากนำใบขึ้นส่องกับแสงแดด จะเห็นจุดเล็กๆ เต็มไปหมด ซึ่งจุดเหล่านั้นก็คือแหล่งน้ำมันนั่นเอง ส้มหลายชนิดรับประทานได้ ผลมีรสเปรี้ยวหรือหวาน มักจะมีแคลเซียม โปแทสเซียม ไวตามินเอ และไวตามินซี มากเป็นพิเศษ ถ้าผลไม้จำพวกนี้มี มะ อยู่หน้า ต้องตัดคำ ส้ม ออก เช่น ส้มมะนาว ส้มมะกรูด เป็น มะนาว มะกรูด

สรรพคุณ:
ดื่มแก้กระหาย เพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากมาย จึงช่วยในการชะลอวัย ช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ช่วยลดเลือนหรือชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ผิวมีสุขภาพดีไม่แห้งกร้าน ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก เพราะส้มมีวิตามินซี เสริมสร้างกระดูดให้แข็งแรง ด้วยแคลเซียม และวิตามินดีจากส้ม ช่วยลดสภาวะความเครียดได้ สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ป้องกันการเกิดโรคเลือดออกตามไรฟันการเกิดโรคหัวใจ การขับถ่าย เพราะส้มมีกากใยสูง ลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งที่ปาก กล่องเสียง และที่กระเพาะ ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกายของเรา เปลือกส้มจะมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ และเป็นยาระบายอ่อนๆมีสารช่วยลดคอเลสเตอรอล ช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยกรองสารพิษในตับได้ด้วย


แอปเปิ้ล








ชื่อวิทยาศาสตร์: Malus domestica Borkh.
     แอปเปิ้ลเป็นไม้ผลในวงศ์เดียวกับกุหลาบ สตรอเบอร์รี่ บ๊วย และมีในท้องถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ในปัจจุบันมีการพัฒนาพันธุ์มากมายกว่า 1,000 พันธุ์ ปลูกได้ทั่วโลก  แต่มีปลูกมากในเขตอบอุ่น โดยเฉพาะในยุโรปตะวันตก รัสเซีย จีน สหรัฐอเมริกา ตุรกี อิหร่าน และญี่ปุ่น ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ส่งออกแอปเปิ้ลมากที่สุดในโลก ในประเทศไทยก็มีการปลูกแอปเปิ้ลเช่นกันในบริเวณภูเขาสูงที่มีอากาศเย็น

สรรพคุณ:
1.แอปเปิ้ลมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากมายที่ช่วยในการชะลอวัย
2.แอปเปิ้ลเหมาะกับการเป็นอาหารที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ช่วยลดความอาหารลง แม้แอปเปิ้ลจะมีน้ำตาลแต่ร่างกายก็สามารถดูดซึมและนำไปใช้ประโยชน์ ได้ภายในสิบนาที
3.ช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด หากรับประทานเป็นประจำวันละ 2-3 ผล
4.เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด เพราะแอปเปิ้ลมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำในปริมาณสูงที่จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย
5.เป็นอาหารที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยภาวะเลือดเป็นกรดไขข้อรูมาติก โรคเกาต์ ดีซ่าน

6.แอปเปิ้ลก็มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดฝ้า ช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในร่างกาย ลด       ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้

บทที่3

บทที่ 3

ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน

  1. แบ่งกิจกรรตามหน้าที่
  2. สืบค้นหาข้อมูล
  3. รวบรวมข้อมูล
  4. จัดทำเป็นรูปเล่มที่สวยงาม
  5. จัดทำเป็นโครงงานนำเสนอ

บทที่4

บทที่ 4
ผลการเรียนรู้
           
         จากการศึกษาค้นคว้าและฝึกทำเยลลี่ ผลที่ได้คือพวกเราได้เรียนรู้วิธีการทำเยลลี่ที่ถูกวิธี และได้เยลลี่ที่อร่อยด้วยวิธีข้างล่างนี้

วัสดุอุปกรณ์
1.            ทัพพี
2.            เตาแก๊ส
3.            จาน ชาม
4.            หม้อ
5.            ถ้วยตวง
6.            ช้อนตวง
7.            ถาด แม่พิมพ์
8.             มีด
9.            เขียง
      ส่วนผสม



                        1.            น้ำตาเปล่า 1 กิโลกรัม                              
2.            ผลไม้ (ส้ม,แอปเปิ้ล) 2 ถ้วยตวง
3.            ดอกไม้ (อัญชัน,กระเจี๊ยบ) 2 ถ้วยตวง
4.            ผงเยลลี่,ผงวุ้น 5 ช้อนชา

5.            น้ำตาลทราย  1.5 ถ้วยตวง

วิธีทำ เยลลี่


1.ละลายผงวุ้นและเยลลี่ผงกับน้ำดอกกระเจี๊ยบคนให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟ ปานกลาง คนตลอดเวลา        
   จนเดือดได้ที่ จากนั้นใส่น้ำตาลลงไป และคนให้เข้ากัน

        2.ปลอกเปลือกผลไม้ออก แล้วนำมาหั่น ตามขนาดที่ต้องการ


           3.นำน้ำเยลลี่ที่เราได้มาเทลงบนภาชนะที่เตรียมไว้ ผ่านไปประมาณ 5นาที จากนั้นนำผลไม้ที่หั่นมาข้างต้นมาโรยหน้า


                                                                                                
4.ทำเหมือนขั้นตอนที่1 แต่เปลี่ยนจากน้ำดอกกระเจี๊ยบ เป็นน้ำดอกอัญชัน



5.นำมาเทลงบนภาชนะที่เตรียมไว้ เหมือกับขั้นตอนที่สอง
       
       6.ทำเหมือนขั้นตอนที่1 แต่เปลี่ยนจากน้ำดอกกระเจี๊ยบ เป็นน้ำผลไม้แล้วนำมาเทใส่ภาชนะที่ที่เตรียมไว้เเละตกเเต่งให้สวย